Universal Design of Packaging
การออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับคนทุกสถานภาพและทุกช่วงวัย
โดย อาจารย์มยุรี ภาคลำเจียก
บรรจุภัณฑ์ต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภค สภาวะการตลาด และระบบการกระจายสินค้าที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา บรรจุภัณฑ์สินค้าอุปโภคบริโภคเพื่อการขายปลีกจะมีผลโดยตรงกับการยอมรับและความพึงพอใจของผู้บริโภคเป้าหมาย อายุของผู้บริโภคเป็นปัจจัยหนึ่งที่นักออกแบบบรรจุภัณฑ์จะมองข้ามไม่ได้ บทความนี้จะมาคุยเจาะจงเรื่องบรรจุภัณฑ์สำหรับผู้สูงอายุ (ผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปี) เนื่องจากเป็นกลุ่มประชากรโลกที่มีจำนวนมากขึ้นทุกปี อันเป็นผลจากการตื่นตัวในการรักษาสุขภาพมากขึ้น ในปี ค.ศ. 2050 ทั่วโลกจะมีจำนวนผู้สูงอายุมากกว่าคนหนุ่มสาวถึง 2 เท่า จำนวนผู้สูงอายุในปี ค.ศ. 2030 เมื่อเทียบกับประชากรทั้งหมดในบางประเทศแสดงในรูปต่อไปนี้
เนื่องจากญี่ปุ่นมีจำนวนประชากรผู้สูงอายุสูงที่สุดในโลก ญี่ปุ่นจึงได้พัฒนาการออกแบบสินค้า (รวมบรรจุภัณฑ์) อาคาร บ้านเรือน ของใช้ รถโดยสาร ตลอดจนสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่คำนึงถึงผู้สูงอายุ โดยเรียกการออกแบบนี้ว่า “Universal Design” หรือมักเรียกสั้น ๆ ว่า UD ซึ่งมีความหมายว่า “การออกแบบที่เป็นมิตรกับคนทุกสถานภาพและทุกช่วงวัย” ในบางประเทศเรียกการออกแบบนี้ว่า “Accessible Design หรือ Barrier-Free Design” ซึ่งมีหลักการเดียวกันกับ UD ในปัจจุบันบรรจุภัณฑ์ UD สำหรับสินค้าอุปโภคบริโภคได้รับความนิยมสูงและมีแนวโน้มความต้องการมากขึ้น ไม่ใช่แต่เฉพาะในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น แต่รวมไปถึงในประเทศที่พัฒนาแล้วอื่น ๆ อีกด้วย สำหรับประเทศไทยนั้น จำนวนประชากรผู้สูงอายุมีแนวโน้มสูงขึ้นในอนาคตเช่นกัน ดังนั้นบรรจุภัณฑ์ UD จึงเป็นแนวโน้มที่ผู้ประกอบการไทยที่เกี่ยวข้องกับการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคควรให้ความสนใจ ทั้งกับสินค้าที่จำหน่ายในประเทศและส่งออก
บรรจุภัณฑ์ UD มีข้อกำหนด 9 ข้อ ดังนี้
- Easy to identify
- Easy to hold
- Easy to open
- Easy to take out
- Easy to understand
- Easy to use
- Easy to store
- Easy to dispose
- Injury prevention
ตัวอย่างของบรรจุภัณฑ์ UD ที่ออกตลาดแล้ว
1. บ่งบอกชนิดผลิตภัณฑ์ได้ง่าย (Easy to identify) เช่น
- การออกแบบผิวของบรรจุภัณฑ์ให้มีรอยนูนของอักษรเบรลล์ เพื่อช่วยให้ผู้พิการทางสายตาสามารถใช้นิ้วสัมผัส ทำให้ทราบว่าผลิตภัณฑ์คืออะไร
- การทำผิวของฝาขวดให้ต่างกันสำหรับเครื่องปรุงรสที่ใช้ขวดเหมือนกัน เพื่อให้สามารถแยกชนิดของผลิตภัณฑ์ได้ง่าย
2. จับถือได้ถนัด (Easy to hold) เช่น การออกแบบขวดให้มีส่วนโค้งเว้าหรือเป็นรูตรงกลางขวดเพื่อช่วยในการจับถือได้กระชับ ไม่ลื่นหลุดง่าย รวมทั้งขวดที่มีคอคล้ายเป็ดสำหรับน้ำยาทำความสะอาดโถสุขภัณฑ์
3. เปิดออกได้ง่าย (Easy to open) เช่น
- ซองหรือถุงพลาสติกที่สามารถฉีกเปิดได้ง่ายด้วยมือโดยไม่ต้องออกแรงมาก รอยฉีกเป็นแนวตรง ไม่ต้องใช้กรรไกรหรือมีดตัด
- ถุงซิปที่ออกแบบให้เลื่อนซิปไปมาทางขวา-ซ้าย และซ้าย-ขวา แทนการใช้ซิปแบบกด ทำให้เปิดและปิดใหม่ได้ง่ายขึ้น
4. หยิบหรือเทผลิตภัณฑ์ออกจากบรรจุภัณฑ์ได้ง่าย (Easy to take out) เช่น
- กล่องกระดาษแข็งที่ออกแบบให้ฝาบนสามารถล็อกฝาค้างไว้ให้ตั้งตรง หรือมีรอยปรุให้เปิดด้านบนหรือด้านหน้า เพื่อสะดวกในการหยิบผลิตภัณฑ์ออกจากกล่อง
- กล่องพลาสติกบรรจุทิชชูสำหรับทารก เปิดได้ด้วยมือเดียวสำหรับคุณแม่ซึ่งอุ้มลูกอยู่ เพียงกดเบา ๆ ฝาจะเปิดออกและค้างไว้เพื่อให้หยิบทิชชูออกได้สะดวก อีกทั้งสามารถปิดฝากลับได้ง่ายด้วยมือเดียว
5. สามารถเข้าใจได้ง่าย (Easy to understand) เช่น
- การพิมพ์เครื่องหมายฉีกเปิดของถุงขนมในตำแหน่งเฉพาะทั้งขอบซ้ายและขวาและที่ด้านหน้าและด้านหลังของถุง เพื่อบอกตำแหน่งและทิศทางการฉีก ไม่ว่าจะถนัดซ้ายหรือถนัดขวาก็ตาม
- การบากขอบถุงและพิมพ์คำว่า “เปิด” ที่จะงอยของถุงน้ำยาทำความสะอาดเสื้อผ้า ทั้งด้านหน้าและด้านหลังของถุง เพื่อบอกตำแหน่งและทิศทางการฉีก รวมทั้งฉีกง่ายด้วยโดยไม่ต้องใช้กรรไกร
- หากเป็นถุงที่มีวิธีการเปิดเฉพาะ จะพิมพ์คำอธิบายและภาพประกอบที่ด้านหลังของถุงเพื่อให้เข้าใจง่าย
- การใช้สีขาวล้อมรอบตัวหนังสือสีดำหรือล้อมรอบตัวหนังสือที่สีใกล้เคียงกับสีพื้น เพื่อให้อ่านง่ายยิ่งขึ้น
- การปรับ artwork ของฝาปิดถ้วยแยม ให้มีข้อความของผลิตภัณฑ์และตำแหน่งในการเปิดที่ขนาดใหญ่และสีเข้มขึ้น เพื่ออ่านได้ชัดเจน
6. ใช้งานได้ง่าย (Easy to use) ให้ความสะดวกในการเปิด ปิด เท บีบ เช่น
- ขวดซอสและขวดน้ำเชื่อมที่มีฝา 2 ระดับที่ให้ผลิตภัณฑ์ไหลออกมาในปริมาณต่างกัน
- ฝาขวดน้ำยาปรับผ้านุ่มเข้มข้นที่เทรินสะดวก ที่ฝามีขีดบอกปริมาตรที่อ่านได้ชัดเจนเพื่อใช้ตวงผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ปากขวดยังมีพวย (spout) ที่ให้ความสะดวกในการเทผลิตภัณฑ์ลงในฝา
- ตลับแป้งทาหน้าที่ใช้กระจกขยายใหญ่ได้ 2 เท่า เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเห็นหน้าตนเองได้ชัดเจนรวมทั้งมีกลไกในการยึดแผ่นพลาสติกที่ปิดพั๊ฟไว้ เพื่อไม่ให้หล่นในขณะใช้แป้งนั้น
7. เก็บรักษาได้ง่าย (Easy to store) เช่น
- ถาดแฝดบรรจุซุปสำเร็จรูปที่สามารถฉีกแยกจากกันได้ง่าย เพื่อแบ่งบริโภคทีละถาด หยิบถาดออกจากกล่องได้ง่ายที่ด้านปลายกล่อง กล่องมีเส้นรอยพับเป็นรูปสามเหลี่ยมและเป็นเส้นยาวช่วยให้กล่องพับได้ครึ่งหนึ่งเมื่อเหลือถาดเดียวเพื่อประหยัดเนื้อที่ในการเก็บ ขณะเดียวกันผู้บริโภคก็ยังสามารถอ่านข้อความที่พิมพ์บนกล่องได้ดังเดิม
8. กำจัดทิ้งได้ง่าย (Easy to dispose) การออกแบบที่ลดปริมาตรของขยะ และให้ง่ายต่อการแยกชนิดของวัสดุในการทิ้งเพื่อเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล เช่น
- ถุงเติมสำหรับน้ำยาปรับผ้านุ่ม สะดวกในการเติมลงในขวด เมื่อเทออกหมดแล้วถุงเปล่าสามารถม้วนพับให้เป็นชิ้นเล็ก ก่อนแยกทิ้งเพื่อรีไซเคิล
- การใช้ฟิล์มหด PET กับขวด PET สำหรับเครื่องดื่มและน้ำยาบ้วนปาก ทำรอยปรุที่ฉลากเพื่อให้ดึงฉลากออกจากขวดได้ง่าย พร้อมทั้งมีข้อความและระบุตำแหน่งดึงฉลากออก
9. ป้องกันการเกิดอันตรายในขณะใช้ (Injury Prevention) เช่น
- ฝาชามบะหมี่สำเร็จรูป เปิดได้ 2 ด้าน ด้านหนึ่งสำหรับเติมน้ำร้อน อีกด้านหนึ่งสำหรับเทน้ำร้อนออกจากชามผ่านช่องเล็ก ๆ เพื่อป้องกันการกระฉอกของน้ำร้อนซึ่งอาจก่ออันตรายต่อผู้บริโภค
- ถ้วยกระดาษที่ออกแบบพิเศษสำหรับเครื่องดื่มร้อน เมื่อเติมน้ำร้อนในถ้วยแล้วผู้บริโภคสามารถจับถ้วยได้โดยไม่ร้อนมือ เพราะกระดาษส่วนนอกของถ้วยพองออก
- ถ้วยกระดาษที่ออกแบบพิเศษสำหรับบะหมี่สำเร็จรูป เมื่อเติมน้ำร้อนในถ้วยแล้วผู้บริโภคสามารถจับถ้วยได้โดยไม่ร้อนมือ เพราะชั้นกลางของถ้วยเป็นลอนลูกฟูกที่ทำหน้าที่เป็นฉนวนความร้อน
- การเปลี่ยนฝากระป๋องบรรจุอาหารจากฝาห่วงแบบดึงเป็นฝาแบบลอก เพื่อให้เปิดง่ายขึ้นและไม่บาดมือ