Pubat เผยอินไซด์นักอ่านช่วงโควิดระลอก 3 จาก ThaiBookFair.com
ผู้ใช้หน้าใหม่เพิ่มสูง หมวดการ์ตูนท็อปฟอร์มยอดนิยม
สมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) เผยพฤติกรรมนักอ่านในช่วงโควิดระลอก 3 ที่เกิดขึ้นบนแพลตฟอร์ม ThaiBookFair.com พบผู้ใช้บริการใหม่ถึง 75% หมวดการ์ตูนและไลท์โนเวลท็อปฟอร์ม ขายดีแซงหน้านิยาย/วรรณกรรมเป็นครั้งแรกของงานหนังสือออนไลน์ คาดเหตุจากผู้อ่านเป็นคนรุ่นใหม่ต้องการใช้เวลาไปกับความบันเทิงในช่วง Stay at home และต้องการเสพสื่อที่ไม่เคร่งเครียดมากนัก
นางสาวโชนรังสี เฉลิมชัยกิจนายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (Pubat)
นางสาวโชนรังสี เฉลิมชัยกิจ นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (Pubat) กล่าวว่า จากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอก 3 ที่เกิดขึ้นในช่วงต้นเดือนเมษายนและยังคงต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ส่งผลให้ทางสมาคมผู้จัดพิมพ์ฯ ต้องตัดสินใจยกเลิกการจัดงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติครั้งที่ 49 และสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 19 ในรูปแบบออนกราวด์ (On Ground) เพื่อความปลอดภัยของนักอ่านและสำนักพิมพ์ที่มาร่วมออกบูธ แต่ในแพลตฟอร์มออนไลน์ ThaiBookFair.com ยังคงจัดงานสัปดาห์หนังสือออนไลน์ช่วงวันที่ 17 เมษายน – 5 พฤษภาคม ที่ผ่านมา และได้รับความสนใจจากเหล่านักอ่านเข้าร่วมงานตลอด 19 วันเป็นจำนวน 364,747 คน
“การจัดงานหนังสือออนไลน์ครั้งล่าสุดนี้ทำให้เราพบข้อมูลใหม่ๆ ของนักอ่านที่เข้ามาใช้บริการทางเว็บไซต์ ThaiBookFair.com โดยพบว่ามีกลุ่มผู้ใช้บริการรายใหม่ (New Users) เข้ามาใช้บริการมากถึง 75% ส่วนอีก 25% เป็นผู้ที่เคยใช้บริการอยู่แล้ว คาดว่าเกิดจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ทำให้ผู้คนเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ลดการออกไปข้างนอก ใช้เวลาอยู่บ้านมากขึ้น ซึ่งกิจกรรมการอ่านก็ถือเป็นกิจกรรมสร้างความบันเทิงได้ตลอดเวลา และการอยู่บ้านของเหล่านักอ่านนี้เองที่ทำให้ช่วงเวลา 10.00 – 15.00น. และ 20.00 – 24.00น. เป็นช่วงที่มีผู้ใช้บริการมากที่สุด เรียกได้ว่าเกือบตลอดทั้งวันเลยทีเดียว
สำหรับข้อมูลทางด้านประชากรศาสตร์นั้นพบว่าเพศหญิงเป็นกลุ่มใหญ่ที่นิยมช้อปหนังสือออนไลน์ถึง 63% หากพิจารณาด้านกลุ่มอายุแล้วพบว่ามี 3 กลุ่มหลักที่เข้ามาใช้บริการคือ กลุ่มอายุ 25-35 ปี เป็นกลุ่มที่ใหญ่ที่สุดที่ 27% รองลงมาคือกลุ่มอายุ 35-44 ปี ที่ 23% และกลุ่มอายุ 18-24 ปี ที่ 20% โดยผู้ใช้บริการเว็บไซต์ส่วนใหญ่อยู่ที่กรุงเทพฯ มากกว่าครึ่งถึง 54% และที่เหลืออยู่ต่างจังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ นครราชสีมา ขอนแก่น นครปฐม นครสวรรค์ หาดใหญ่ พัทยา และอยุธยาตามลำดับ”
ด้านหมวดหนังสือที่ขายดีครองแชมป์อันดับ 1 นั้นคือหมวดการ์ตูน/ไลท์โนเวล ที่สอดคล้องกับจำนวนเพศและช่วงอายุส่วนใหญ่ของกลุ่มผู้อ่านที่เข้ามาใช้บริการ เพราะเป็นกลุ่มคนที่โตมากับการอ่านมังงะ การดูอนิเมะ และหนังสือประเภทนี้ที่เป็นงานเขียนที่มีโครงเรื่องไม่หนัก เน้นการให้ความเพลิดเพลิน รองลงมาคือหมวดนิยาย/วรรณกรรม หมวดจิตวิทยาและการพัฒนาตนเอง หมวดการศึกษา และหมวดประวัติศาสตร์ ศาสนา วัฒนธรรม การเมือง การปกครอง ตามลำดับ
สำหรับการจัดงานสัปดาห์หนังสืออนไลน์ในครั้งนี้ สมาคมผู้จัดพิมพ์ฯ ได้ใช้กลยุทธ์ด้านการตลาดออนไลน์ที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้า โดยใช้ฐานข้อมูลนักอ่านจากงานหนังสือออนไลน์และออนกราวด์ครั้งที่ผ่านมา พร้อมเน้นการมอบโปรโมชั่นโค้ดส่งฟรีซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ส่วนลดจากร้านค้า การร่วมมือ (Collaboration) กับนักเขียน และสำนักพิมพ์ในการมอบโค้ดส่วนลดพิเศษที่ไม่มีข้อกำหนดในการใช้ และยังมีกิจกรรมส่งเสริมการตลาดด้านต่าง ๆ อีกมากมาย เพื่อกระตุ้นให้เกิดการซื้อเพิ่มมากขึ้น
“แม้เสียงจากนักอ่านส่วนใหญ่ที่สื่อสารผ่านทางเฟซบุ๊ก ThaiBookFair จะยังรู้สึกเสียดายที่ปีนี้ไม่มีงานสัปดาห์หนังสือแบบออนกราวด์ แต่โดยรวมนั้นนักอ่านทุกคนเข้าใจในสถานการณ์ปัจจุบัน ทางสมาคมผู้จัดพิมพ์ฯ หวังให้สถานการณ์โควิด-19 ในช่วงปลายปีจะคลี่คลายไปในทางที่ดี เพื่อให้สามารถจัดงานมหกรรมหนังสือระดับชาติครั้งที่ 26 (Book Expo Thailand 2021) แบบออนกราวด์ขึ้นได้ตามกำหนดการเดิมในช่วงเดือนตุลาคม” นางสาวโชนรังสี กล่าว