ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในอุตสาหกรรมการพิมพ์
ความเป็นไปได้, การประยุกต์ใช้ และแนวโน้มในอนาคต
ในเว็บไซต์ของ Drupa ได้ลงเนื้อหาที่น่าสนใจ เกี่ยวกับ AI หรือปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งเป็นหนึ่งในหัวข้อที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในงาน Drupa 2024 อาจจะยังไม่มีความเข้าใจอย่างถ่องแท้หรือการใช้ประโยชน์สูงสุดจาก AI ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะแต่ละคนอาจจะมีประสบการณ์เกี่ยวกับ AI ที่แตกต่างกันออกไป นั่นคือเหตุผลที่ต้องการพิจารณาประเด็นนี้ให้ลึกมากยิ่งขึ้น เพราะเชื่อว่า AI จะยังคงเป็นหัวข้อร้อนแรงอีกครั้งในงาน Drupa 2028 อย่างแน่นอน
ปัญญาประดิษฐ์ในอุตสาหกรรมการพิมพ์
ปัญญาประดิษฐ์เริ่มต้นขึ้นในฐานะแนวคิดทางวิชาการตั้งแต่ช่วงปี 1950 แต่เพิ่งได้รับความสนใจจากสาธารณชนอย่างกว้างขวางเมื่อมีการพัฒนาโมเดลภาษาขนาดใหญ่อย่าง ChatGPT ของ OpenAI อย่างไรก็ตาม AI ได้มีบทบาทในหลายภาคส่วนมานานแล้ว แม้ว่าหลายคนอาจไม่ทันสังเกต ในอุตสาหกรรมการพิมพ์ AI ก็ได้เปลี่ยนแปลงกระบวนการทำงานมาระยะหนึ่งแล้ว โดยช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและเปิดโอกาสใหม่ ๆ ให้กับธุรกิจ
ประเภทของปัญญาประดิษฐ์
ก่อนที่เราจะพิจารณาการใช้งาน AI ในอุตสาหกรรมการพิมพ์ เรามาดูแนวคิดพื้นฐานของ AI เพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกัน นักวิจัยแบ่งประเภทของ AI ออกเป็น 4 ประเภทหลัก ดังนี้
- Reactive Machines (เครื่องจักรปฏิกิริยา)
ไม่มีหน่วยความจำและออกแบบมาเพื่อทำงานเฉพาะเจาะจง ในอุตสาหกรรมการพิมพ์ ระบบเหล่านี้มักถูกใช้กับหุ่นยนต์ที่เคลื่อนย้ายวัสดุเข้าและออกจากแท่นพิมพ์ - Limited Memory (หน่วยความจำจำกัด)
สามารถใช้ข้อมูลจากอดีตเพื่อช่วยในการตัดสินใจ ตัวอย่างเช่น แชทบอทและผู้ช่วยเสมือน เช่น Siri ซึ่งสามารถเรียนรู้จากข้อมูลที่ได้รับในอุตสาหกรรมการพิมพ์ AI ประเภทนี้ถูกใช้สำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิตและการตรวจจับข้อผิดพลาด - Theory of Mind (ทฤษฎีจิตใจ)
พยายามทำความเข้าใจความคิดและอารมณ์ของมนุษย์ ปัจจุบันยังไม่มีการพัฒนา AI ประเภทนี้ขึ้นมาใช้งานจริง ตัวอย่างที่เห็นได้จากภาพยนตร์ เช่น AI ที่มีลักษณะคล้ายมนุษย์ในเรื่อง Her - Self-aware AI (ปัญญาประดิษฐ์ที่มีความตระหนักรู้ในตนเอง)
เป็นแนวคิดที่ AI สามารถมีสติรับรู้ตัวเองและสภาพแวดล้อม ปัจจุบันยังเป็นเพียงแนวคิดที่อยู่ในระหว่างการถกเถียงด้านจริยธรรมและเทคนิค
การประยุกต์ใช้ AI ในอุตสาหกรรมการพิมพ์
ผู้ผลิตและผู้ให้บริการซอฟต์แวร์หลายรายเริ่มนำเทคโนโลยี AI มาใช้เพื่อปรับปรุงผลิตภัณฑ์ของตน โดยมีการใช้งานหลักในด้านต่อไปนี้
- Computer Vision และการควบคุมคุณภาพ
ระบบตรวจสอบงานพิมพ์ด้วยภาพ (Optical Inspection Systems) ถูกใช้มาตั้งแต่ยุคแรก ปัจจุบัน AI สามารถใช้แมชชีนเลิร์นนิงเพื่อตรวจจับข้อผิดพลาดและทำการแก้ไขโดยอัตโนมัติตามสาเหตุของปัญหา - การบำรุงรักษาเชิงพยากรณ์ (Predictive Maintenance)
AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลจากเครื่องจักรเพื่อคาดการณ์เวลาที่ต้องมีการซ่อมบำรุงหรือเปลี่ยนชิ้นส่วน ช่วยลดเวลาหยุดทำงานของเครื่องจักรและเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิต - หุ่นยนต์อุตสาหกรรม (Robotics)
หุ่นยนต์ที่ใช้ AI แบบปฏิกิริยาถูกนำมาใช้เพิ่มขึ้น เช่น แขนกลที่ใช้ขนถ่ายวัสดุ หุ่นยนต์สามารถทำงานที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น การบรรจุเอกสารทางไปรษณีย์ ต้นทุนการติดตั้งที่ลดลงทำให้ธุรกิจขนาดเล็กสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีนี้ได้ - Generative AI และกระบวนการสร้างสรรค์
AI อย่าง ChatGPT สามารถสร้างข้อความ รูปภาพ และโค้ดได้ อุตสาหกรรมการพิมพ์นำ AI มาใช้ในการออกแบบและพัฒนาต้นแบบอย่างรวดเร็ว AI ยังช่วยในการจัดการลูกค้า โดยสามารถวิเคราะห์อารมณ์จากข้อความและตอบกลับได้อย่างเหมาะสม บางบริษัทใช้ AI ในการแปลงข้อมูลลูกค้าจากอีเมลไปเป็นคำสั่งซื้อที่มีโครงสร้างชัดเจน
อนาคตของ AI ในอุตสาหกรรมการพิมพ์
อุตสาหกรรมการพิมพ์กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วตามการเติบโตของ AI และโซลูชันด้านหุ่นยนต์ ในงาน drupa ครั้งถัดไป ผู้เข้าชมจะได้เห็นนวัตกรรมที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและเปิดโอกาสใหม่ ๆ ให้กับอุตสาหกรรม
AI กำลังสร้างโอกาสมหาศาลให้กับอุตสาหกรรมการพิมพ์ ตั้งแต่การเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิต การลดเวลาหยุดทำงาน ไปจนถึงการปรับปรุงการสื่อสารกับลูกค้า AI กำลังก้าวขึ้นมาเป็นส่วนสำคัญของอุตสาหกรรมการพิมพ์สมัยใหม่ และจะยังคงมีบทบาทสำคัญในงาน Drupa 2028 อย่างแน่นอน