แนวทางสรรสร้างสุขภาพสำหรับที่ทำงาน
อีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้องค์กรนั้น ๆ ได้ประสิทธิภาพของคนทำงานกลับมาดีขึ้น ส่งผลดีต่อพนักงานและองค์กร
รวมรวมโดย ธีรพงศ์ ประดิษฐ์กุล
ทุกวันนี้สังคมเราให้ความสำคัญเกี่ยวกับสุขภาพมากกว่าแต่ก่อนมาก ทั้งเรื่องอาหารการกิน การใช้ชีวิตแต่ละวัน มีการเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น เราให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น ทุกคนหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพตัวเองและคนที่รัก ดังนั้นองค์กรและห้างร้าน รวมถึงภาครัฐจึงให้ความสำคัญต่อสิ่งนี้ด้วย หันมาส่งเสริมให้พนักงานสนใจสุขภาพตัวเองมากขึ้น และยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้องค์กรนั้น ๆ ได้ประสิทธิภาพของคนทำงานกลับมาดีขึ้น ส่งผลดีต่อทั้งตัวพนักงานเองและองค์กร
การดูแลสุขภาพพนักงานถือเป็นหัวใจของการบริหารองค์กรเลยก็ว่าได้ เพราะเมื่อพนักงานมีสุขภาพที่ดี มีกำลังใจที่พร้อม พวกเขาก็สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำให้บรรยากาศการทำงานเต็มไปด้วยพลัง ในทางตรงกันข้าม หากพนักงานสุขภาพย่ำแย่ รู้สึกเหนื่อยล้าอยู่ตลอด พวกเขาก็คงไม่มีแรงที่จะมุ่งมั่นและทำงานให้สำเร็จลุล่วงได้ดี สุขภาพกายและสุขภาพใจของพนักงานจึงเป็นสิ่งที่บริษัทและองค์กรไม่ควรมองข้าม และควรยึดถือเป็นหนึ่งในหน้าที่ที่บริษัทจะดูแลสุขภาพของพวกเขา
การดูแลสุขภาพพนักงาน สำคัญอย่างไร
การเอาใจใส่ในด้านสุขภาพพนักงานมีประโยชน์ทั้งต่อตัวพนักงานที่จะมีสุขภาพกายและใจที่ดี และทั้งต่อตัวบริษัทเองก็ได้ประโยชน์จากการที่พนักงานที่กำลังที่จะทำงานอย่างเต็มความสามารถ ช่วยเพิ่ม Productivity ให้กับบริษัท และลดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องจากการลาป่วย ลาออก หรือค่ารักษาพยาบาล
ลดการลางานและอัตราการลาออก
พนักงานมีร่างกายและจิตใจที่แข็งแรง พร้อมสำหรับการทำงาน เพราะห่างไกลจากโรคภัย ปัญหาสุขภาพจิตจากความเครียด และจากพฤติกรรมที่ส่งผลเสียกับสุขภาพ ซึ่งบริษัทสามารถส่งเสริมให้เกิดพฤติกรรมที่ดีผ่านวัฒนธรรมการทำงานที่เป็นมิตรและสวัสดิการด้านสุขภาพได้
เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานหรือ Productivity
เมื่อบริษัทดูแลสุขภาพพนักงาน ช่วยส่งเสริมให้เขามีทัศนคติและพฤติกรรมที่ดีต่อสุขภาพ พวกเขาก็จะมีกำลังใจและกำลังกายที่พร้อมสำหรับการทำงานและพร้อมเผชิญกับความท้าทายต่าง ๆ จากงาน
เป็นองค์กรที่น่าร่วมงานด้วย
ลองนึกดูว่า บริษัทที่เต็มไปด้วยคนสุขภาพดีและอารมณ์ดี บริษัทแบบไหนจะน่าอยู่ขนาดไหน
หากบริษัทสามารถส่งเสริมให้พนักงานมีสุขภาพที่ดีได้ นอกจากจะช่วยลดอัตราการลาออก ทำให้พนักงานอยู่กับบริษัทนานขึ้น (Employee Retention) ก็ส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กรให้คนภายนอกและคนที่มีศักยภาพ (Talents) อยากร่วมงานด้วย
10 แนวทางการทำโปรแกรมสุขภาพสำหรับที่ทำงาน
การทำให้เกิดสุขภาพที่ดีในที่ทำงาน กลายเป็นเรื่องสำคัญสำหรับทุกองค์กรทั่วโลกไปแล้ว เหตุผลเบื้องหลังคือ ปริมาณงานเพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบต่อสถานะสุขภาพของพนักงาน และทำให้เพิ่มปัจจัยเสี่ยงด้านสุขภาพและค่ารักษาพยาบาลของพนักงาน สุขภาพในที่ทำงานไม่ควรจำกัดอยู่เพียงแค่การให้ประกันสุขภาพหรือการตรวจสุขภาพฟรีแก่พนักงาน สถานที่ทำงานที่มีสุขภาพสมบูรณ์จะเกิดขึ้นได้อย่างแท้จริงเมื่อพนักงานมีส่วนร่วมโดยตรงในโครงการปรับปรุงคุณภาพชีวิตของพวกเขา การนำโปรแกรมสุขภาพในที่ทำงานมาใช้อย่างเหมาะสมมีความสำคัญต่อการสร้างความมั่นใจว่าสถานที่ทำงานจะมีสุขภาพที่ดี นอกจากนี้ พนักงานที่มีความสุขและมีสุขภาพดีเท่านั้นที่จะทำงานได้ดีขึ้น การจัดโปรแกรมสุขภาพของพนักงานที่มีประสิทธิภาพจึงกลายเป็นความจำเป็นสำหรับยุคนี้ เพราะโปรแกรมที่ดี ย่อมส่งเสริมให้พนักงานมีวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดีเพื่อผลลัพธ์ด้านสุขภาพที่ดี ช่วยลดอัตราการขาดงานของพนักงานอันเนื่องมาจากปัญหาด้านสุขภาพ จึงเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและช่วยตอบแทนบริษัทอย่างมาก แนวทางการจัดทำโครงการสุขภาพที่นำเสนอนี้ เพื่อให้องค์กรสามารถนำไปปรับปรุงพฤติกรรมด้านสุขภาพของพนักงาน สามารถช่วยให้พนักงานมีความฟิตแบบมีส่วนร่วม มีความคุ้มค่า และเหมาะสำหรับองค์กรทุกขนาด
1. ทำสมาธิวันจันทร์
ทุกคนเกลียดวันจันทร์ พนักงานก็ไม่ต่างกัน การปล่อยให้พนักงานเริ่มต้นสัปดาห์ด้วยความสิ้นหวังอาจส่งผลเสียต่อประสิทธิภาพการทำงาน เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหานี้ องค์กรสามารถวางแผนจัดการทำสมาธิช่วงสั้น ๆ ในวันจันทร์ได้ ชั่วโมงการทำสมาธิจะช่วยให้พนักงานจัดการกับความรู้สึกที่ต้องทำงานที่ยังไปไม่ถึงเป้าได้ เพราะการทำสมาธิช่วยให้พนักงานจดจ่อกับช่วงเวลาที่เหลือของวัน ส่งผลดีต่อสุขภาพจิต
2. เผยแพร่บทความดูแลสุขภาพผ่านจดหมายข่าว หรืออีเมล์
ความตระหนักเป็นตัวแทนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับการเปลี่ยนแปลง การรณรงค์ด้านสุขภาพในองค์กรต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการเริ่มต้น และความท้าทายหลักในที่นี้คือการสร้างแรงจูงใจให้พนักงานดูแลสุขภาพของตนเองอย่างใกล้ชิด องค์กรสามารถทำได้ผ่านแคมเปญสร้างความตระหนักด้านสุขภาพ โดยส่งบทความด้านสุขภาพและจดหมายข่าวทุกวันไปยังอีเมลของพนักงาน เพื่อให้เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพในที่ทำงาน
3. จัดวันนำอาหารสุขภาพจากบ้าน
ดังคำกล่าวที่ว่า “เราเป็นอย่างที่เรากิน” การจัดอาหารเพื่อสุขภาพทุกเดือนเป็นส่วนเสริมที่ดีให้กับโปรแกรมสุขภาพของพนักงาน ด้วยการส่งเสริมให้พนักงานได้รับอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ โดยให้ทุกคนนำอาหารสุขภาพมาจากบ้าน การจัดกิจกรรมดังกล่าวบ่อย ๆ จะช่วยให้พนักงานมีนิสัยการกินที่ดีต่อสุขภาพ อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มความสนิทสนมในหมู่พนักงานทุกคน ซึ่งจะช่วยกระชับความสัมพันธ์ในที่ทำงาน องค์กรสามารถจัดโปรแกรมการนำอาหารสุขภาพมารับประทานด้วยกันในที่ทำงาน เช่น วันอาหารคลีน วันลดคาร์โบไฮเดรต วันเพิ่มโปรตีน เป็นต้น
4. เชื่อมโยงการแก้ปัญหาสุขภาพให้เข้ากับสังคม
วิธีที่มีประสิทธิภาพในการกระตุ้นให้พนักงานมีวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดีคือการเชื่อมโยงกับสาเหตุทางสังคม การรวมโครงการสร้างเสริมสุขภาพเข้ากับกิจกรรมเพื่อสังคม ทำให้ผู้เข้าร่วมมีโอกาสตอบแทนสังคม วิธีนี้ยังช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับจุดยืนของบริษัทในด้านความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กร องค์กรสามารถสนับสนุนสาเหตุทางสังคมได้ด้วยการจัดความท้าทายด้านสุขภาพในที่ทำงาน เช่น การเดินทน วิ่งทน หรือเลือกให้พนักงานเข้าร่วมกิจกรรมด้านสุขภาพกับชุมชนโดยไม่มีค่าใช้จ่าย
5. แต่งตั้งทูตสุขภาวะ
ทุกองค์กรมักมีคนที่ใส่ใจสุขภาพและประสบความสำเร็จไปพร้อมกันเสมอ พนักงานเหล่านี้สามารถเป็นแบบอย่างให้กับคนอื่น ๆ ช่วยส่งเสริมให้เพื่อนพนักงานด้วยกันมีชีวิตที่มีสุขภาพดี องค์กรสามารถกำหนดตำแหน่ง “ทูตสุขภาวะ” เพื่อให้พนักงานเหล่านี้เป็นตัวแทนของผู้มีสุขภาพดีในองค์กร
6. ปั่นจักรยานไปทำงาน
องค์กรสามารถส่งเสริมให้พนักงานปั่นจักรยานมาทำงานแทนการนำรถมา โดยพิจารณาจากระยะทางหากพนักงานส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับที่ทำงานขององค์กร นอกจากช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางแล้วยังช่วยให้พวกเขาลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่สิ่งแวดล้อมอีกด้วย นอกจากนั้น ยังสามารถจัดทัวร์ปั่นจักรยานระยะสั้นให้พนักงาน ด้วยรางวัลที่มีความหมายสำหรับผู้ปฏิบัติงานที่ดีที่สุด สิ่งนี้จะส่งเสริมให้พนักงานมีสุขภาพที่ดีขึ้นผ่านการปั่นจักรยาน
7. ส่งเสริมให้มีเวลาหยุดพักเป็นช่วง ๆ ระหว่างทำงาน
การที่พนักงานนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานเป็นเวลานานโดยไม่มีการเคลื่อนไหวร่างกายอาจประสบปัญหาสุขภาพ เช่น สายตา ปวดหลัง ปวดหัว กล้ามเนื้อเป็นตะคริว ความเหนื่อยล้า เป็นต้น การให้พนักงานหยุดพักระหว่างงานจะช่วยบรรเทาปัญหาเหล่านี้ องค์สามารถหาวิธีการต่าง ๆ เพื่อให้พวกเขากระปรี้กระเปร่า และมีช่วงหยุดพักเป็นระยะ
8. รณรงค์เลิกบุหรี่
เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่านิโคตินไม่ใช่ยา แต่จะเติมเชื้อเพลิงให้กับปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวกับหัวใจและปอด การรณรงค์เลิกบุหรี่ในที่ทำงานสามารถช่วยให้พนักงานของคุณเอาชนะนิสัยการสูบบุหรี่ได้ โดยใช้เคล็ดลับบางประการสำหรับการดำเนินการแคมเปญดังกล่าวอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น สร้างจิตสำนึกเกี่ยวกับผลเสียของการสูบบุหรี่ แสดงวิธีการเลิกบุหรี่ที่เป็นไปได้ ประกาศเขตห้ามสูบบุหรี่รอบองค์กร รับสมัคร Life Coach กิจกรรมเลิกบุหรี่ เพิ่มแรงจูงใจให้พนักงานเลิกบุหรี่
9. เดินไปคุยงานไป
การเดินเป็นการออกกำลังกายที่ดีที่ช่วยให้คนมีร่างกายและจิตใจที่ฟิตในทุกด้าน และการเดินเป็นการออกกำลังกายที่สามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา องค์กรสามารถนำการเดินนี้ไปเป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีในรูปแบบของ “เดินไปคุยงานไป” เช่น จัดการประชุมหรือการอภิปรายที่ใช้คนกลุ่มเล็ก ๆ ไม่สำคัญขณะเดินแทนการนั่งในห้องปิด
10. อนุญาตชั่วโมงการทำงานที่ยืดหยุ่น
ปัญหาด้านสุขภาพในที่ทำงานส่วนใหญ่เกิดขึ้นเนื่องจากภาระงานที่พนักงานต้องแบกรับตลอดทั้งวันมากเกินไป การขาดตารางการทำงานที่ยืดหยุ่น ทำให้พนักงานไม่มีเวลาที่จะฟื้นจิตใจและร่างกายของตัวเอง การอนุญาตให้พนักงานมีชั่วโมงทำงานที่ยืดหยุ่นเป็นขั้นตอนใหญ่ในการดำเนินการด้านสุขภาพในที่ทำงานอย่างเหมาะสม การมีชั่วโมงทำงานที่ยืดหยุ่นช่วยให้พนักงานมีเวลาทำสิ่งต่าง ๆ เช่น พักผ่อนหรือไปยิม ทำให้พนักงานรู้สึกดีกับงานของพวกเขา และช่วยให้พวกเขาบรรลุความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานที่สมบูรณ์แบบ