เอปสัน ดันแผนดิสรัปท์ธุรกิจพรินเตอร์สู่โมเดลบริการเต็มรูปแบบ

เอปสัน ดันแผนดิสรัปท์ธุรกิจพรินเตอร์สู่โมเดลบริการเต็มรูปแบบ
พร้อมเปิดตัว Epson EasyCare 360 เหมา เหมา

เอปสัน ประเทศไทย เร่งเครื่องพลิกปี 64 โตเกิน 10% พร้อมเดินหน้าดิสรัปท์โมเดลธุรกิจกลุ่มอิงค์เจ็ทพรินเตอร์ สู่บริการด้านงานพิมพ์สำหรับลูกค้าองค์กรธุรกิจเต็มตัว โดยเปิดตัวบริการล่าสุด ‘Epson EasyCare 360 เหมา เหมา’

นายยรรยง มุนีมงคลทร ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “ในปี 2563 ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจของประเทศที่จีดีพี -6.1% เพราะได้รับผลกระทบหนักจากโรคโควิด-19 ทำให้การอุปโภคบริโภคและการลงทุนของภาคเอกชนหดตัว ธุรกิจห้างร้านมากมายปิดตัวลง ระบบซัพพลายเชนที่ต้องพึ่งการนำเข้าในหลายธุรกิจหยุดชะงัก แต่ขณะเดียวกันสถานการณ์ดังกล่าวก็ได้เร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสู่เศรษฐกิจดิจิทัลเร็วขึ้น ทำให้มีปัจจัยบวกและโอกาสใหม่ที่สนับสนุนธุรกิจของเอปสัน ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนที่ลดลงจากการใช้แพลทฟอร์มการขายออนไลน์ ขณะที่โรงงานในภาคการผลิตลงทุนใช้เทคโนโลยีเอไอและระบบอัตโนมัติในกระบวนการผลิตมากขึ้น ภาคธุรกิจหันมาใช้โรงงานผลิตและระบบซัพพลายเชนภายในประเทศ โรงพยาบาลทั้งรัฐและเอกชนเริ่มใช้อุปกรณ์ดิจิทัลในขั้นตอนการให้บริการ เช่น การพิมพ์ฉลากยาสี รวมถึงการเกิดใหม่ของธุรกิจบุคคลหรือฟรีแลนซ์จำนวนมาก เช่น การรับจ้างพิมพ์ภาพ ซึ่งทำให้ยอดขายของบริษัทฯ ได้รับผลกระทบน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก”

“ถึงแม้จะเป็นปีที่ไม่ง่าย เอปสันก็ยังคงทำกิจกรรมทางการตลาดอย่างต่อเนื่องทั้งปี เพื่อกระตุ้นยอดขายและรักษาระดับการรับรู้ต่อแบรนด์เอปสัน รวมแล้วมากกว่า 200 กิจกรรม ทั้งการสัมมนาออนไลน์ กิจกรรมส่งเสริมการขายทางเว็บไซต์และช่องทางโซเชียลของเอปสัน และแพลทฟอร์มออนไลน์มาร์เก็ตเพลสต่างๆ กิจกรรมซีเอสอาร์ การโร้ดโชว์สินค้า การสนับสนุนกิจกรรมของพาร์ทเนอร์ โปรแกรมทดลองใช้สินค้าของเอปสันฟรีนาน 1 เดือน รวมไปถึงการผลิตและเผยแพร่โฆษณาสินค้าและโปรโมชั่นตามช่องทางต่างๆ ของคู่ค้า” นายยรรยง กล่าว

สำหรับทิศทางธุรกิจในปี 2564 นายยรรยง กล่าวว่า “ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อธุรกิจของเอปสันยังคงเป็นสถานการณ์ทางการเมืองและการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งหากมีแนวโน้มที่ดี คนไทยสามารถเข้าถึงวัคซีนต้านโควิด-19 ได้อย่างทั่วถึง จีดีพีของประเทศก็น่าจะกลับมาบวก และได้เห็นการลงทุนของภาครัฐกลับมาในช่วงครึ่งปีหลัง รวมถึงภาคการท่องเที่ยวก็จะเริ่มฟื้นตัวได้ดี สถาบันศึกษากลับมาเปิดทำการ ซึ่งเอปสันก็ได้เตรียมความพร้อมสำหรับการดำเนินธุรกิจด้วยกลยุทธ์เพื่อรุกตลาด B2B โดยภายหลังได้ปรับเปลี่ยนทั้งโครงสร้างและกระบวนการทำงานภายในองค์กร พัฒนาศักยภาพของเครือข่ายตัวแทนจำหน่าย และเพิ่มคุณค่าในส่วนต่างๆ ซึ่งช่วยยกระดับความพึงพอใจและประสบการณ์ที่ดีของลูกค้า โดยตั้งเป้าว่าบริษัทฯ จะกลับมาเติบโตได้ในระดับที่มากกว่า 10% ในปีนี้”

นายยรรยง กล่าวต่อว่า “เมื่อสิบปีก่อนเอปสันได้ดิสรัปท์เทคโนโลยีอิงค์เจ็ทพรินเตอร์ของตัวเองมาสู่ระบบแท็งค์ และได้ขยายการใช้ระบบดังกล่าวไปในทุกกลุ่มสินค้าพรินเตอร์ ตั้งแต่พรินเตอร์ขนาดเล็ก พรินเตอร์เพื่อธุรกิจ จนถึงพรินเตอร์ระดับมืออาชีพสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถลดต้นทุนการพิมพ์ ประหยัดค่าไฟ ทั้งยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น ดิสรัปชั่นทางเทคโนโลยีครั้งนั้นได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการการพิมพ์ทั่วโลกและสร้างเอสเคิร์ฟใหม่ให้กับบริษัทฯ ปัจจุบันเอปสันมีอิงค์เจ็ทพรินเตอร์ระบบแท็งค์มากที่สุดในท้องตลาด และสามารถพิมพ์งานทั้งสีและขาวดำด้วยคุณภาพและความเร็วที่เทียบเท่าเลเซอร์พรินเตอร์ และปีนี้ เอปสันจะดิสรัปท์ธุรกิจพรินเตอร์อีกครั้ง โดยมุ่งเปลี่ยนโมเดลธุรกิจจากการขายเครื่องไปสู่การให้บริการแบบเต็มตัว”

“ปีที่แล้วเอปสันได้ทดลองเปิด ‘Epson EasyCare 360’ บริการเช่าเครื่องพรินเตอร์แบบรายแพคเก็จสำหรับลูกค้า Epson WorkForce ที่ต้องพิมพ์งานปริมาณมากอยู่เป็นประจำ เพื่อแข่งขันกับบริการของแบรนด์เครื่องถ่ายเอกสาร ซึ่งลูกค้าสามารถควบคุมต้นทุนการพิมพ์ของตัวเองได้ ไม่ต้องสต๊อกหมึก เพราะบริษัทฯ จะส่งหมึกให้โดยคำนวณค่าใช้จ่ายจากจำนวนพิมพ์รายแผ่น ทั้งยังมีบริการ On-site service ส่งช่างซ่อมไปถึงออฟฟิศ นอกจากนี้ ยังมีบริการ ‘Epson EasyCare Mono’ เพื่อกลุ่มลูกค้า Epson EcoTank M-series ให้สามารถเช่าเครื่องพร้อมหมึกแบบเหมาจ่ายรายเดือนและรับทันที ทั้งบริการติดตั้งพรินเตอร์ให้ถึงออฟฟิศ บริการจัดอบรมการใช้งาน และบริการแก้ปัญหาเบื้องต้นผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งทั้งสองบริการได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เอปสันจึงเดินหน้าแผนดิสรัปท์โมเดลธุรกิจกลุ่มอิงค์เจ็ทพรินเตอร์ทั้งหมด จากที่เคยเน้นการขายเครื่องมาเป็นการบริการงานพิมพ์”

“นอกจากดิสรัปชั่นโมเดลธุรกิจเพื่อให้ธุรกิจของเอปสันสามารถตอบโจทย์ความต้องการและพฤติกรรมการใช้งานของลูกค้าอยู่เสมอ บริษัทฯ ยังได้สร้าง Epson Virtual Solutions Center เพื่อให้ลูกค้า B2B ไม่เพียงแต่ในประเทศไทย แต่รวมถึงกัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และปากีสถาน ที่อยู่ภายใต้การดูแลของเอปสัน ประเทศไทย ได้สัมผัสกับประสบการณ์เสมือนจริงระหว่างการทำความรู้จักกับเทคโนโลยีและ B2B โซลูชั่นของเอปสัน ซึ่งจะแบ่งออกตามประเภทธุรกิจหรืออุตสาหกรรม อาทิ เทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืน การพิมพ์ดิจิทัล ร้านค้าปลีก อุตสาหกรรมการผลิต การศึกษา สาธารณสุข และองค์กรธุรกิจ และในเฟสถัดไปจะมีการเพิ่มเติมโซนพิเศษสำหรับลูกค้าโฮมยูสทั่วไปให้ สามารถมาชมสินค้าและพูดคุยกับพนักงานขายทางออนไลน์ได้ทันที โดยได้รับบริการทุกอย่างเหมือนอยู่หน้าร้าน โดยในเฟสแรก Epson Virtual Solutions Center นี้ จะเปิดให้บริการในเดือนเมษายนที่จะถึงนี้” นายยรรยงกล่าวทิ้งท้าย