PUBAT เผยยอดผู้ร่วมงานมหกรรมหนังสือฯ แบบไฮบริดกว่า 8 แสนราย

PUBAT เผยยอดผู้ร่วมงานมหกรรมหนังสือฯ แบบไฮบริดกว่า 8 แสนราย

นิยาย/วรรณกรรมครองแชมป์หมวดหนังสือขายดีโดย สมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT)

สมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) เผยผลการจัดงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 25 (Book Expo Thailand 2020) ในรูปแบบไฮบริดอีเว้นท์ โดยเป็นการกลับมาจัดในรูปแบบออนกราวด์อีกครั้ง หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สรุปสถิติผู้เข้าชมงานที่อิมแพ็คตลอด 12 วัน มีจำนวน 556,053 ราย ขณะที่ ThaiBookFair.com มี 250,000 ราย รวมยอดจำหน่าย 197 ล้านบาท โดยหมวดนิยาย/วรรณกรรมยังคงครองแชมป์หนังสือขายดี

คุณโชนรังสี เฉลิมชัยกิจ นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) กล่าว สรุปผลการจัดงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 25 (Book Expo Thailand 2020) ภายใต้แนวคิด “Noกองดอง” ระหว่างวันที่ 30 กันยายน – 11 ตุลาคมที่ผ่านมา ณ ชาเลนเจอร์ 2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ว่า ปีนี้มีสมาชิกเข้าร่วมงานทั้งหมด 262 ราย และมีจำนวนบูธทั้งหมด 746 บูธ โดยมีผู้ให้ความสนใจเข้าร่วมงานจำนวน 556,053 ราย สร้างยอดจำหน่ายประมาณ 192 ล้านบาท ขณะเดียวกันด้านการจัดแบบออนไลน์ (Online) ใน ThaiBookFair.com นั้น เมื่อนับในช่วงระยะเวลาจัดงานเดียวกันมีผู้ใช้บริการช้อปออนไลน์จำนวน 250,000 ราย สร้างยอดจำหน่ายที่ 5 ล้านบาท รวมยอดจำหน่ายจากทั้งสองรูปแบบกิจกรรม คือ 197 ล้านบาท ซึ่งถือว่าไม่ตรงตามเป้าหมายที่คาดการณ์เอาไว้ที่ 200 ล้านบาท เนื่องจากหลายปัจจัยประกอบ ไม่ว่าจะเป็นการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 (COVID-19) และปัจจัยด้านเศรษฐกิจที่ไม่เอื้อต่อการจับจ่ายทำให้กำลังซื้อของนักอ่านลดลง รวมถึงสำนักพิมพ์มีการผลิตหนังสือปกใหม่ออกมาในจำนวนที่น้อยลง แต่โดยรวมถือว่าน่าพอใจสำหรับการกลับมาจัดในรูปแบบออน กราวด์ (On Ground) อีกครั้งเพราะยังคงมีนักอ่านที่ให้ความสนใจและยังคงชื่นชอบกับการได้มาเดินเลือกซื้อหนังสือหนังสือในงาน

“สำหรับหมวดหนังสือที่ได้รับความสนใจจากนักอ่านที่มาช้อปในรูปแบบออน กราวด์ มากเป็นอันดับหนึ่ง ได้แก่ หนังสือนิยาย/วรรณกรรม เนื่องจากได้รับความสนใจจากผู้อ่านหลากหลายช่วงวัย ตั้งแต่วัยเรียนไปจนถึงวัยทำงาน สถานการณ์ช่วงนี้อาจส่งผลให้ผู้อ่านหันมาอ่านวรรณกรรมเพิ่มขึ้น เพื่อช่วยให้จิตใจผ่อนคลายจากความกังวล อันดับที่สองคือ หนังสือการ์ตูนและไลท์โนเวล (นิยายที่เจาะกลุ่มคนที่ชอบอ่านการ์ตูน ใช้ภาษาอ่านง่าย ไม่เน้นคำที่เข้าใจยาก อ่านแล้วสามารถจินตนาการได้ทันที) ผู้อ่านส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงวัยเรียน ซึ่งรูปแบบการจัดงานที่เป็นออนไลน์สามารถเจาะกลุ่มนักอ่านรุ่นใหม่ได้มากกว่า เพราะมีความถนัดในการใช้เทคโนโลยี อันดับที่สามคือ หนังสือการศึกษา มีผู้อ่านเป็นวัยเรียนตั้งแต่ระดับปฐมวัยไปจนถึงระดับอุดมศึกษา แต่ผู้ซื้อส่วนใหญ่มักจะเป็นผู้ปกครองที่ต้องการนำไปพัฒนาศักยภาพทางการศึกษาของบุตรหลาน อันดับที่สี่คือ หนังสือจิตวิทยาพัฒนาตนเอง โดยผู้อ่านยังให้ความสำคัญในการพัฒนาตัวเอง หรือพัฒนาธุรกิจ เพื่อนำมาใช้ต่อยอดสู่ความสำเร็จในอนาคต และสุดท้ายอันดับที่ห้าคือ หนังสือประวัติศาสตร์ โดยผู้อ่านกลุ่มนี้จะชื่นชอบความเป็นมาในอดีต วิวัฒนาการ ที่จะนำไปพัฒนาองค์ความรู้ต่อไป แต่ในขณะที่ทางออนไลน์นั้น หมวดหนังสือขายดีได้แก่ หนังสือนิยาย/วรรณกรรม หนังสือประวัติศาสตร์ หนังสือจิตวิทยาพัฒนาตนเอง หนังสือการ์ตูนและไลท์โนเวล และการศึกษา ตามลำดับ” นางสาวโชนรังสี กล่าว

ด้านเสียงสะท้อนจากนักอ่านที่เข้าร่วมงานพบว่า มีจำนวนมากที่ประทับใจในบริการรถตู้รับ-ส่ง เนื่องจากช่วยให้เดินทางสะดวกขึ้นและไม่เสียค่าใช้จ่าย รวมถึงการจัดพื้นที่บูธต่างๆ ที่เป็นสัดส่วนทำให้นักอ่านเดินหาบูธได้ง่าย โดยหลังจบงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 25 ทางสมาคมผู้จัดพิมพ์ฯ มีแผนรวบรวมความคิดเห็นจากการจัดงานในครั้งนี้ เพื่อนำมาปรับปรุง และพัฒนาความน่าสนใจของกิจกรรมต่าง ๆ เพิ่มเติมสำหรับการจัดงานในครั้งถัดไป

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง
Facebook Fanpage : Thai Book Fair

เครดิภาพประกอบจาก https://www.facebook.com/pg/thailandbookfair