ธุรกิจใดบ้างที่อยู่รอดในวิกฤตโควิด-19?
ตัวอย่างของธุรกิจที่ได้รับผลบวกจากการระบาดของไวรัสในครั้งนี้ อย่างธุรกิจบรรจุภัณฑ์, ธุรกิจ VDO Streaming, ธุรกิจ Healthcare และธุรกิจ Geocery store
ขณะนี้ทั่วโลกกำลังเผชิญกับวิกฤตที่ชื่อว่า “โควิด-19” ซึ่งส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่ธุรกิจส่วนมากก็ถูกกระทบในวงกว้างแต่ก็ไม่ใช่ทั้ง 100% ของธุรกิจที่จะได้รับผลในด้านลบ เพราะในทุกวิกฤตย่อมเป็นโอกาสสำหรับบางคน ขอยกตัวอย่างของธุรกิจที่ดูเหมือนจะได้รับผลบวกจากการระบาดของไวรัสในครั้งนี้
ธุรกิจบรรจุภัณฑ์
กลุ่มบรรจุภัณฑ์ทั้งที่เป็นกระดาษและภัณฑ์พลาสติกยืดหยุ่นสูง ขวดพลาสติกหัวกด หรือหัวฉีดสเปรย์สำหรับใช้ใส่เจล ใส่แอลกอฮอล์ 70% ล้างมือป้องกันเชื้อโรคโควิด-19 รวมทั้งถ้วย ชาม จาน กระดาษและวัสดุที่สามารถย่อยสลายได้ในธรรมชาติ มีความต้องการใช้เติบโตอย่างมาก การใช้บรรจุภัณฑ์ประเภทใช้แล้วทิ้งในกลุ่มสินค้าอาหารแบบส่งถึงบ้านเพิ่มมากขึ้น และภาคอุตสาหกรรมอาหารก็เช่นกันมีการใช้บรรจุภัณฑ์ประเภทพลาสติกยืดหยุ่นสูงเพิ่มมากขึ้น
ธุรกิจ VDO Streaming
ชื่อที่น่าจะโผล่ขึ้นมาในหัวของหลายๆ คน คงจะหนีไม่พ้น Netflix นับแต่ตันปีที่ผ่านมา ราคาหุ้นของ Netfix ยังคงยืนอยู่ได้ในระดับที่ใกล้เคียงกับก่อนหน้านี้ แม้ว่าค่าเฉลี่ยของดัชนี MSCI World Index จะร่วงลงมากว่า 20% ส่วนตลาด NASDAQ ที่ Netflix จดทะเบียนอยู่ ก็ร่วงลงมาถึง 24% ธรรมชาติธุรกิจของ Netfix คือ การให้บริการบอกรับสมาชิกสำหรับการรับชมภาพยนตร์ และรายการโทรทัศน์ ซึ่งในตอนนี้มีสมาชิกรับชมเพิ่มมากขึ้น อย่างในกรณีที่คนส่วนมากเลือกที่จะใช้เวลาอยู่ที่บ้าน แทนที่ของการออกไปยังที่ต่างๆ ซึ่งมีความเสี่ยงจาก “โควิด-19” ปัจจุบัน Netfix มีจำนวนบัญชีสมาชิกราว 167 ล้านคนทั่วโลก โดยแบ่งเป็นในสหรัฐฯ ประมาณ 61 ล้านคน แม้จะยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลออกมาว่า “โควิด-19” ส่งผลให้จำนวนผู้ใช้บริการ Netfix เพิ่มขึ้นหรือไม่ แต่หากพิจารณาจากในอดีตช่วงปี 2008 – 2010 ซึ่งเกิดวิกฤตเศรษฐกิจและไข้หวัดหมูระบาดทั่วโลก การเติบโตของรายได้ในเวลานั้นยังคงเติบโตได้เฉลี่ย 25% จาก1,365 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มาเป็น 2163 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนปี 2019 ที่ผ่านมา รายได้ของ Netfix เพิ่มขึ้น 27% มาอยู่ที่ 20,156 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนกำไรในปี 2008 – 2010 เพิ่มจาก 83 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มาเป็น 161 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โตเฉลี่ย 39% และปี 2019 กำไรของ Netflix เติบโต 54% มาเป็น 1,867 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ธุรกิจ Healthcare
จากตัวอย่างของบริษัท Teladoc Health ซึ่งเป็นธุรกิจให้บริการทางการแพทย์ในสถานการณ์ “โควิด-19” แบบนี้ หนึ่งในบริการที่ถูกพูดถึงกันมากขึ้นในขณะนี้ คือ Telehealth ซึ่งเป็นการนำเทคโนโลยีที่ช่วยให้ผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์สามารถพูดคุยตอบโต้กันได้แบบ Real-time เช่นเดียวกับการสื่อสารผ่านระบบ video conference ที่คู่สนทนาสามารถมองเห็นหน้าและสนทนากันได้ทั้ง 2 ฝ่าย โดยไร้ข้อจำกัดในเรื่องเวลาและสถานที่ โดย Teled๐c ได้พัฒนาระบบในส่วนนี้จนสามารถให้คำปรึกษาทางการแพทย์ออนไลน์ทั่วโลกปัจจุบันมีจำนวนลูกค้ามากกว่า 10,000 ราย โดยกว่า 40% ของบริษัทใน Fortune 500 ได้เข้ามาใช้บริการของ “Teladc” เป็นที่เรียบร้อยแล้ว นั่นจึงนับเป็นกลุ่มลูกค้าที่เรียกได้ว่ามีศักยภาพที่น่าสนใจอย่างมากจากการเป็นหนึ่งในผู้นำของเทคโนโลยีบริการรูปแบบใหม่ทางการแพทย์ หุ้นของ Teledoc ในช่วงที่ไวรัสกำลังแพร่ระบาดอยู่นี้ สามารถพุ่งขึ้นมาได้เกือบ 70%
ธุรกิจ Grocery store
เชนค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดคือ Kroger สำหรับในสหรัฐอเมริกา หนึ่งในเชนค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดคือ Kroger ซึ่งราคาหุ้นนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ปรับเพิ่มขึ้นราว 20% ด้วยลักษณะธุรกิจที่เป็นปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิตของมนุษย์และเมื่อคนส่วนใหญ่จำเป็นต้องใช้เวลาอยู่ที่บ้านมากขึ้น ส่งผลให้ความต้องการในสินค้าอุปโภคบริโภคเหล่านี้เพิ่มสูงขึ้นไปด้วย
เครดิตภาพประกอบ: www.wawapack.com, www.netflix.com, www.teladochealth.com และ www.kroger.com