“พรเทพ สามัตถิยดีกุล” กับแนวคิดการบริหาร ที่มุ่งเน้นการทำงานให้สนุก

“พรเทพ สามัตถิยดีกุล”
กับแนวคิดการบริหาร ที่มุ่งเน้นการทำงานให้สนุก

ในยุคที่ผู้บริโภคมีบทบาทในการขับเคลื่อนธุรกิจ การทำธุรกิจในรูปแบบเดิมๆ อย่างที่เคยทำมาในอดีต อาจจะไม่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในปัจจุบันมากนัก ในปัจจุบันจะเห็นได้ว่า ธุรกิจโรงพิมพ์แบบดั้งเดิม เริ่มจะอยู่รอดยากขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากภาวะที่เศรษฐกิจไทยอยู่ในภาวะชะลอตัวตามปัจจัยเศรษฐกิจโลก รวมถึงภาคการท่องเที่ยวและภาคการส่งออกที่ยังไม่สดใสมากนัก ทำให้ธุรกิจโรงพิมพ์ซึ่งเป็นหนึ่งในห่วงโซ่ของธุรกิจการพิมพ์ได้รับผลกระทบตามไปด้วย บริษัท ศิริวัฒนา อินเตอร์พริ้นท์ จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการด้านการผลิตสื่อสิ่งพิมพ์ครบวงจรทั้งในและนอกประเทศเองประสบปัญหานี้เช่นกัน หากแต่ต้องมีการปรับตัวให้เข้ากับกระแสการเปลี่ยนแปลงในตลาด เพื่อสร้างความอยู่รอดในอนาคต

จุดเริ่มต้นของบริษัท ศิริวัฒนา อินเตอร์พริ้นท์ จำกัด (มหาชน)

คุณพรเทพเล่าให้ฟังว่า “เริ่มจากที่เรียนจบมาแล้วเริ่มทำงานกับบริษัทเดินเรือ หลังจากทำได้ประมาณ 10 ปี ก็มีความคิดอยากมีกิจการเป็นของตัวเอง จากที่ได้เห็นงานของต่างชาติที่พิมพ์งานได้สวยงามและมีความละเอียดเป็นอย่างมาก จึงตัดสินใจที่จะทำธุรกิจสิ่งพิมพ์ จึงได้เข้าปรึกษาผู้ใหญ่ในบริษัทเดินเรือ ช่วงเริ่มต้นทำธุรกิจ ยังคงทำงานที่บริษัทเดินเรือและทำธุรกิจโรงพิมพ์ไปพร้อมกัน โดยเริ่มต้นด้วยทุน 200,000 บาท เริ่มจากเครื่องพิมพ์ขนาดเล็ก โดยใช้พื้นที่ชั้นล่างของบ้านขนาด 4×8 เมตร จัดตั้งเป็นโรงพิมพ์ มีพนักงานเพียง 2 คนเท่านั้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรับจ้างพิมพ์สิ่งพิมพ์ประเภทแบบพิมพ์สำนักงาน (Office Stationary) และงานพิมพ์ทั่วไป

หลังจากเปิดโรงพิมพ์ได้สักระยะ เพื่อนพ้องที่ทำงานในบริษัทเดินเรืออื่นๆ ทั้ง 18 สายเดินเรือ ได้ส่งงานมาให้จัดพิมพ์ ส่งผลให้โรงพิมพ์เติบโตอย่างรวดเร็ว จึงเริ่มขยับขยายพื้นที่โรงพิมพ์โดยเริ่มจากการเช่าห้องแถว 3 คูหา จนกระทั่งปัจจุบัน บริษัทได้ขยายกำลังการผลิตเพื่อรองรับ ปริมาณงานของลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมีพนักงานที่ได้รับสวัสดิการและการดูแลอย่างดีกว่า 3,000 คน และก้าวสู่การเป็นผู้ให้บริการสื่อสิ่งพิมพ์ครบวงจรชั้นแนวหน้าของประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

แนวทางการบริหารจัดการ

ทางผู้บริหารเน้นเรื่องการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและให้เป็นที่หนึ่งในอุตสาหกรรมการพิมพ์ โดยแข่งขันกับตนเองเพื่อพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นในทุกวัน รวมทั้งปรับใช้หลักธรรมทางพุทธศาสนาเพื่อบริหารจัดการองค์กร “เรามุ่งเน้นสู่การเป็นโรงพิมพ์ที่มีคุณภาพ ทำงานให้สนุก ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ อยู่ที่ความตั้งใจมุ่งมั่น ต้องเลือกเดินทางที่ถูกต้องก็จะพัฒนาต่อเนื่อง คนที่จัดการได้ไม่ดีก็จะถดถอยลงไป หลักของพระพุทธศาสนาเป็นวิทยาศาสตร์อยู่แล้วโดยธรรมชาติ อย่างเช่นที่พระพุทธเจ้าเรียกว่า ธรรมะ ซึ่งหมายถึงธรรมชาติ เป็นที่พึงของตนเอง อยากได้อะไรก็ขอตัวเอง โดยนำความรู้ด้านนี้มาใช้กับพนักงานทุกคนให้รู้จักตัวเองและรู้ทันปัจจุบัน การพิมพ์คือวิทยาศาสตร์ ศิลปศาสตร์ และศาสตร์อื่นๆ อีกหลายแขนง เราต้องบริหารสิ่งเหล่านี้ให้ดีให้ได้คุณภาพสูงสุด” ด้านการตลาดในช่วงเริ่มต้นจะแบ่งเป็นต่างประเทศ 70% และ 30% ในประเทศ ต่อมาฐานลูกค้าในประเทศเริ่มโตขึ้นปรับเป็น 50:50 จนในปัจจุบันอยู่ที่ 30:70 จากการที่มุ่งเน้นฐานลูกค้าต่างประเทศถือว่าเป็นเรื่องดี เนื่องจากทำให้รักษาระดับการพิมพ์ให้อยู่ในมาตรฐาน รวมถึงมีความรู้และเพิ่มประสบการณ์ในการผลิตงานพิมพ์คุณภาพ ด้านการบริหารภายในได้จัดโครงสร้างการบริหารงานไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน และเพื่อเสริมประสิทธิภาพในการทำงานให้ดียิ่งขึ้น บริษัท ศิริวัฒนา อินเตอร์พริ้นท์ จำกัด (มหาชน) มีการเจริญเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว และมีนโยบายที่จะพัฒนาเทคโนโลยีทางการพิมพ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อก้าวสู่ความเป็นหนึ่ง

ทางด้าน CSR ศิริวัฒนาฯ ได้จัดตั้งมูลนิธิเพื่อจัดกิจกรรมการกุศลทุกสัปดาห์ โดยการช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสในสังคมตามสถานที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ทั้งการมอบรถเข็นและทุนตั้งต้นเพื่อประกอบอาชีพ รวมไปถึงการมอบทุนการศึกษา การช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบปัญหา ซึ่งทุนส่วนหนึ่งมาจากการนำกำไรของบริษัทบริจาคเข้ามูลนิธิเพื่อนำไปจัดกิจกรรมเพื่อสังคม โดยเฉพาะในช่วงที่ประเทศไทยประสบปัญหาอุทกภัยครั้งใหญ่ในปี 2554 ได้มอบความช่วยเหลือให้กับทั้งผู้ประสบภัยโดยตรงและการมอบผ่านทางภาครัฐ

การเปิดตลาดด้าน Packaging และ Security Printing

เมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว ผู้บริหารได้มองเห็นว่าแนวโน้มของสิ่งพิมพ์ Commercial Printing เริ่มมีความถดถอย เนื่องจากโซเชียลมีเดียเริ่มเข้ามามีบทบาท จึงได้จัดตั้ง “ศิริมีเดีย” เพื่อรับงานการผลิตสื่อดิจิตอลทุกรูปแบบให้กับลูกค้า และได้จัดตั้งบริษัท ศิริวัฒนาซีเคียวริตี้พริ้นท์ จำกัด เพื่อให้บริการงานพิมพ์ซีเคียวริตี้ทุกประเภท เช่น งานพิมพ์หนังสือเดินทาง (Passport) งานพิมพ์เอกสารป้องกันการปลอมแปลงของหน่วยงานราชการต่าง งานพิมพ์เช็คธนาคาร เป็นต้น โดยบริษัทฯ ได้มีการให้ขยายการให้บริการงานพิมพ์ Security Printing กับประเทศเพื่อนบ้านอีกด้วย

ล่าสุดในปี 2561 มีการลงทุนเครื่องพิมพ์ออฟเซตที่มีเทคโนโลยีการพิมพ์ที่ทันสมัยถึง 2 เครื่อง โดยเป็นเครื่องพิมพ์ UV ขนาด 40” จำนวน 6 สี แบบมีเคลือบในตัว และ เครื่องพิมพ์ขนาด 44” จำนวน 8 สี แบบมีเคลือบในตัว เพื่อรองรับการผลิตงานพิมพ์บรรจุภัณฑ์ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ความประทับใจเกี่ยวกับเครื่องพิมพ์ KOMORI

คุณพรเทพได้แชร์ความคิดเห็นที่เลือกใช้เครื่องพิมพ์ออฟเซต KOMORI “ผมเป็นคนแรกที่ตัดสินใจเซ็นสัญญาซื้อเครื่องพิมพ์ KOMORI ในงาน Drupa เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว เพื่อนๆ ต่างทักท้วงและเป็นห่วงว่าจะเลือกเครื่องที่ผิด แต่จากการศึกษาข้อมูล KOMORI อย่างละเอียด ผมมั่นใจว่าเป็นเครื่องที่ดี และ KOMORI ผลิตในประเทศญี่ปุ่นซึ่งอยู่ใกล้กับพวกเรา การเดินทางใช้เวลาไม่นาน ช่างเดินทางมาประเทศไทยก็ง่าย คนเอเชียด้วยกันสร้างเครื่องพิมพ์ขึ้นมาให้เหมาะกับคนภาคพื้นเดียวกัน ซึ่งต่างจากทางยุโรป หรือทางตะวันตกที่มีร่างกายใหญ่โต จะสร้างพิมพ์ที่มีความหนัก ซึ่งเขาคิดว่าความหนักคือคุณภาพ แต่ความเป็นจริงแล้วไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไป ขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ เราได้พิสูจน์มาหลายสิบปีแล้ว KOMORI ดีมาตลอด และพัฒนาทุกด้านตลอดเวลา ทั้งด้านเทคโนโลยี และการบริการ ถือว่าเป็นเครื่องพิมพ์อันดับหนึ่งของญี่ปุ่น” จากที่คุณพรเทพได้ใช้เวลาช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมาไปบุกตลาดในธุรกิจใหม่ ในปีนี้คุณพรเทพตั้งใจที่จะกลับมาพัฒนาธุรกิจการพิมพ์ให้พัฒนายิ่งๆ ขึ้นไป “หลายคนอาจจะพูดว่าธุรกิจสิ่งพิมพ์อยู่ในช่วงขาลง ถ้าพูดถึง Magazine อาจจะเป็นช่วงขาลงจริง แต่ด้านบรรจุภัณฑ์กำลังโตขึ้น” คุณพรเทพยังเชื่อว่า บริษัท ศิริวัฒนาฯ พร้อมให้บริการงานพิมพ์คุณภาพ ทั้งในส่วนของ Commercial Print และ Packaging สู่ตลาดงานพิมพ์ต่อไป

การให้บริการจาก C. ILLIES (Thailand)

C. ILLIES (Thailand) เป็นองค์กรที่มีความเข้มแข็ง บุคลากรมีความรู้ การทำงานด้วยกันจึงราบรื่น แต่เราก็ต้องมาฝึกคนของเราเองด้วยเพื่อให้สามารถทำงานร่วมกันได้ จากที่ได้ร่วมงานกันมานาน เครื่อง KOMORI จึงเสมือนว่าทำงานกับเพื่อน มีความล่องตัวและสามารถคุยกันได้ทุกเรื่อง

ข้อคิดสำหรับการทำธุรกิจสำหรับนักธุรกิจรุ่นใหม่

คุณพรเทพฝากทิ้งท้ายว่า ทำให้ดีที่สุดเสมอ ทำงานให้สนุก เอาใจใส่อยู่กับมัน รักอะไรก็จะเจริญอย่างนั้น ให้ความรักกับพนักงาน เพราะหากพนักงานมีความสุข ก็จะเป็นพลังให้กับบริษัท แต่จะต้องคอยสอนเขาด้วย ให้ทำงาน สอนให้ทำ แล้วตอบแทน ต้องมี 3 สิ่งนี้เป็นพื้นฐาน จึงจะประสบผลสำเร็จในการดำเนินธุรกิจ