“หนูดา” คุณชนิดา จินดาปราณีกุล ทายาทคนเก่ง “บี.เค. อินเตอร์ปริ้นท์”

“หนูดา” คุณชนิดา จินดาปราณีกุล ทายาทคนเก่ง “บี.เค. อินเตอร์ปริ้นท์”
Work Life Balance ทำงานอย่างมีความสุข

ด้วยความคุ้นเคยขั้นตอนการทำงานด้านโรงพิมพ์มาตั้งแต่เด็กๆ เพราะมักไปอยู่ที่โรงพิมพ์เป็นประจำในทุกวันหยุด หยิบโน่นจับนี่ช่วยงานไม่เกี่ยง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่วันนี้“คุณชนิดา จินดาปราณีกุล” หรือ “หนูดา” ของทุกคนในครอบครัว จะเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท บี.เค. อินเตอร์ปรินท์ จำกัดอันเป็นธุรกิจครอบครัว เรียกว่าเธอเป็น “ทายาทสาวรุ่นสอง” อีกคนที่มีแนวคิดและปรัชญาการทำงานที่น่าสนใจ

ทายาทสาวรุ่นสอง “หนูดา” หรือก๊วนเพื่อนๆ มักเรียกว่า “ดาด้า” เธอเล่าให้ฟังว่า มีพี่ชาย 4 คน และน้องสาวฝาแฝด จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายที่โรงเรียนเซนต์ฟรังซีสซาเวียร์คอนแวนต์ต่อด้วยระดับปริญญาตรีภาคการตลาด เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากนั้นก็หาประสบการณ์เริ่มต้นทำงานเป็น Marketing Executive ในเครือวัสดุก่อสร้าง บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (SCG) ดูแลรับผิดชอบสินค้ากลุ่มกระเบื้องหลังคาและอุปกรณ์ CPAC Monier

ทำงานในเครือ SCG อยู่ 2 ปี ในฝ่ายการตลาด นับว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีจากการทำงานในองค์กรใหญ่ ทำให้ได้เรียนรู้การทำงานอย่างมีระบบ และยังโชคดีมีเพื่อนร่วมงานดีมากๆ จนมีความสนิทสนมกันเหมือนพี่น้อง แม้จะลาออกมาแล้วก็ยังติดต่อด้วยมิตรสัมพันธ์กันอย่างสม่ำเสมอ

การศึกษาที่มีค่ายิ่งของเธอคือการบินลัดฟ้าไปศึกษาต่อระดับปริญญาโท iMBA ที่ Lingnan College, Sun Yat-sen University (中大) เมืองกวางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน และยังได้เข้าเรียนภาษาจีนที่ Hangzhou Normal University เมืองหังโจวอีกด้วย

บุกเบิกธุรกิจการพิมพ์มา 30 ปี

หลังจากจบปริญญาโทแล้วได้กลับมาเริ่มทำงานกับครอบครัว คือ บริษัท บี.เค. อินเตอร์ปรินท์ จำกัด ซึ่งเป็นกิจการของครอบครัว ก่อตั้งโดยคุณพ่อคุณแม่ คือคุณสุเทพและคุณสินีรัตน์ จินดาปราณีกุล ซึ่งดำเนินกิจการมาแล้ว 30 ปี โดยเริ่มแรกสำนักงานตั้งอยู่ที่บางซื่อ ทำธุรกิจรับจ้างผลิตสิ่งพิมพ์ออฟเซ็ต จากนั้นได้ขยายงานเรื่อยมาจนกระทั่งย้ายโรงงานมาอยู่ในปัจจุบันคือบางใหญ่ เพื่อรองรับงานและจำนวนเครื่องจักรที่มากขึ้น

ปัจจุบันโรงพิมพ์มีเครื่องพิมพ์ออฟเซ็ตเป็นเครื่องพิมพ์ 8 สี 6 สี 2 สี และสีเดียว รวมทั้งเครื่องจักรสำหรับทำงานหลังพิมพ์ประเภทต่างๆ สามารถรองรับงานทั้งจำนวนมากและจำนวนน้อย โดยเน้นการทำงานให้ได้คุณภาพ สะดวกรวดเร็ว และมีราคาที่เหมาะสม

พูดถึงการทำงานกับครอบครัว ซึ่งได้เรียนรู้การทำโรงพิมพ์มาตั้งแต่เด็กๆ เห็นบรรยากาศการทำงานมาโดยตลอด เมื่อกลับมาทำงานเต็มตัว ทำให้เริ่มต้นเรียนรู้ได้เร็วขึ้น ซึ่งตอนนี้รับตำแหน่ง Marketing Manager แต่จริงๆ แล้วช่วยดูแลงานในหลายๆ ส่วน ตั้งแต่งานตีราคา ประสานงานกับลูกค้า ดูแลกระบวนการผลิต บัญชี บุคคล ฯลฯ โดยการทำงานก็จะเรียนรู้จากคุณพ่อเป็นหลัก

ทำงานครอบครัวต้องมีวินัยสูง

คุณดาบอกว่า จากประสบการณ์การทำงานข้างนอก การทำงานจะมีการแบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจน ในฐานะพนักงาน จะต้องรับผิดชอบงานให้ดีที่สุดเมื่อเสร็จงานหรือในวันหยุดก็สามารถไปเที่ยวไปชิลล์ได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ การทำงานในองค์กรใหญ่ก็มักจะมีโปรแกรมเทรนนิ่ง การอบรมต่างๆ มาให้เรียนรู้อยู่เสมอ รวมทั้งได้เจอคนที่หลากหลาย ทำให้ได้พัฒนาตัวเองตลอดเวลาไปโดยอัตโนมัติ

ขณะที่การทำงานกับครอบครัว หลายๆ คนจะมองว่าชิลล์ๆ เพราะเป็นบริษัทของตัวเอง แต่จริงๆแล้วเราจะต้องมีวินัย ควบคุมตัวเองให้ได้และจะต้องกระตือรือร้นตลอดเวลา ไม่หยุดเรียนรู้จึงจะสามารถพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ดังนั้น ตั้งแต่กลับมาทำงานกับครอบครัวก็จะคิดตลอดเวลาว่า มีอะไรต้องแก้ไขปรับปรุง เพื่อให้บริษัทดีขึ้นได้บ้าง เรียกได้ว่าต้องมองให้รอบด้าน แม้กระทั่งวันหยุด บางทีสมองไม่ได้หยุดคิดตามไปด้วย

นอกจากนี้ ด้วยความที่ธุรกิจครอบครัวเป็นองค์กรเล็ก จะมีข้อดีคือสามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว มีความยืดหยุ่น และยังได้โบนัสอีกอย่างคือ ทำให้มีเวลาอยู่ใกล้ชิดครอบครัวและคุณพ่อคุณแม่

ซึมซับปรัชญาการทำงาน

ด้วยความที่ได้เห็นมาตลอดว่า คุณพ่อคุณแม่เป็นคนที่รับผิดชอบและซื่อสัตย์ต่อลูกค้า ไม่เคยมีครั้งใดที่ทำให้เสียความน่าเชื่อถือ เพราะฉะนั้นจึงมองสิ่งสำคัญของการทำงาน คือ ความจริงใจในการทำงาน และรักษาสัจจะ

“งานโรงพิมพ์เป็นสิ่งที่ต้องอาศัยความละเอียดใส่ใจมากๆ ความผิดพลาดเล็กน้อยอาจทำให้เกิดความเสียหายใหญ่หลวงได้ เพราะฉะนั้นต้องมีความรอบคอบในการทำงานในทุกขั้นตอน ซึ่งสิ่งที่จะช่วยให้ทำงานอย่างราบรื่นได้คือการมีสติอยู่เสมอ และต้องมีทัศนคติที่ดี เพราะการทำงานคือการแก้ปัญหา เกิดอะไรขึ้นอย่ามัวท้อถอย ต้องแก้ไข และเรียนรู้ที่จะไม่ให้เกิดปัญหาเดิมขึ้นมาอีก Positive Thinking ช่วยได้”

ทั้งนี้ ด้านกระบวนการผลิตที่คุณพ่อทำไว้นั้นค่อนข้างดีอยู่แล้ว สิ่งที่เป็นเป้าหมายในการทำงานตอนนี้จึงเป็นการพัฒนาระบบการทำงานให้ราบรื่นมากยิ่งขึ้น อีกทั้งมองว่า คนเป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุดขององค์กร การสร้างคนเก่ง มีทีมเวิร์คที่ดีจะช่วยให้มีเวลาพัฒนาองค์กร และขณะนี้กำลังมองหาลู่ทางใหม่สุดท้ายคือ การทำงานอย่างมีความสุข มี work life balance

“ดามองธุรกิจครอบครัวในอนาคตว่า ตอนนี้เราเป็นโรงพิมพ์ขนาดกลาง ที่มีความพร้อมในด้านกำลังการผลิต มีความยืดหยุ่นในการทำงาน สามารถตอบสนองลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว (ไม่เชื่อ ลองมาใช้บริการดูได้นะคะ 555) ในระยะสั้นธุรกิจของเราเติบโตแบบไม่หวือหวา แต่มีการปรับปรุงสิ่งที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการทำงาน ระบบต่างๆ เพื่อให้สามารถบริการลูกค้าได้ดียิ่งๆ ขึ้น ส่วนในระยะยาว เราจะต้องปรับตัวไปตามโลกและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วค่ะ”

อนาคตธุรกิจการพิมพ์ไทย

ตอนนี้พูดถึงธุรกิจการพิมพ์ ใครๆ ก็บอกว่า Sunset เพราะตอนนี้สื่อไหนๆ ก็ให้อุตสาหกรรมการพิมพ์ติดท็อปชาร์ตเป็นธุรกิจดาวร่วง ซึ่งความเป็นจริงแล้วกลับมองว่า เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่ไปไวมากกว่าที่เคยคาดการณ์กันไว้และเป็นรอบการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ที่ไม่ได้ส่งผลเฉพาะต่ออุตสาหกรรมการพิมพ์เท่านั้น แต่วงการอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นธนาคาร ค้าปลีก หรือสื่ออื่นๆ เช่นสิ่งพิมพ์ โทรทัศน์ ก็กระทบกันถ้วนหน้า (อย่าได้เสียใจไปเลย 555)

ดังนั้น ตอนนี้เป็นช่วงที่ต้องปรับตัวและหาจุดยืนให้กับตัวเอง เพราะในความเป็นจริงหนังสือก็ยังมีคนอ่าน บรรจุภัณฑ์ก็ยังต้องมีการใช้ อุตสาหกรรมเราก็ยังต้องดำเนินต่อไปแต่อาจจะไม่เติบโตหวือหวาเหมือนสมัยก่อนสิ่งสำคัญคือ คนในวงการก็ต้องจับมือกันไว้ไม่ฟาดฟันกันเอง เพราะจะเจ็บตัวกันทั้งคู่และถ้าเราสามารถร่วมกันหาแนวคิด หรือนวัตกรรมที่ช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์ไปด้วยกันได้ ก็จะเป็นเรื่องที่ดีมากๆ เลย

สำหรับแนวคิดการมาเข้าร่วมกิจกรรมกับกลุ่ม Young Printer มองว่าทำให้ได้รู้จักกับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ในอุตสาหกรรมการพิมพ์เพิ่มมากขึ้น ซึ่งทุกคนก็แนะนำให้คำปรึกษาเรื่องต่างๆ แก่เราได้ ทำให้ได้ความรู้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกระดาษ หมึกพิมพ์การพิมพ์ชนิดต่างๆ ไปจนถึงงานหลังพิมพ์ หลากหลายมากๆ นอกจากนี้ ยังได้มีเพื่อนๆ ที่ได้มาทำความรู้จัก ทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกัน เป็นพันธมิตรกัน ซึ่งคิดว่าเป็นสิ่งที่ดีมากๆ

ปัจจุบันได้ช่วยงานกิจกรรมต่างๆ เช่น งาน Thai Print Awards และจัดกิจกรรมสัมมนาการพิมพ์ 4.0 สำหรับคนรุ่นใหม่ แล้วก็มีโอกาสได้ไปทัศนศึกษาดูงานร่วมกันสมาชิกฯ เข้าประชุมตามวาระต่างๆ คาดว่าหลังจากนี้ จะมีกิจกรรมต่างๆ ให้ได้ทำร่วมกันอยู่เรื่อยๆ

หลงใหลกิจกรรม-งานจิตอาสา

เว้นว่างจากงานก็จะชอบอ่านหนังสือ ถ้ามีหนังสือดีๆ สามารถนอนอ่านได้ทั้งวัน แล้วก็ชอบไปออกกำลังกาย เข้าฟิตเนต ว่ายน้ำ เล่นแบดมินตัน ปั่นจักรยาน ต่อยมวย เล่นโยคะ เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง สมองแจ่มใส ซึ่งจริงๆ แล้วตั้งแต่เด็กเป็นคนที่มีทักษะด้านกีฬาน้อยนิดมาก โดนวิชาพละฉุดเกรดตลอด (ฮา) แต่ไม่รู้ทำไม ยังชอบเล่นอยู่ดี

นอกจากนี้ ก็ชอบไปเข้าคอร์สเรียนรู้อะไรใหม่ๆ รู้สึกว่าโลกนี้มีอะไรน่าสนใจมากมาย บางอย่างที่เราไม่เคยลองทำ พอได้ลองแล้วหลงรักก็มี เช่น การเล่นเปียโน เป็นกิจกรรมที่เพิ่งค้นพบว่าทำแล้วมีความสุขมากๆ และถ้ามีเวลามากหน่อยจะชอบเดินทาง โดยเฉพาะถ้าได้ท่องเที่ยวแบบผจญภัยนิดๆ แบ็คแพค ลุยๆ หน่อยจะแฮปปี้มาก

“ถ้าเป็นคนที่เพิ่งรู้จัก จะคิดว่าดาเป็นคนนิ่งๆ เรียบร้อย แต่จริงๆ แล้ว ถ้าเพื่อนที่สนิท จะบอกว่าดาเป็นคนฮาๆ ต๊องๆ นะคะ และต้องบอกว่า ดาเป็นคนชอบทำกิจกรรมมากๆ ค่ะ ตอนอยู่มหาวิทยาลัยนี่เข้าขั้นคลั่งเลย เพียงแต่ว่าตอนทำงาน เราอาจจะมีเวลาน้อยลง เพราะฉะนั้น มีกิจกรรมอะไรดีๆ ขอให้บอก จะงานจิตสาธารณะเพื่อสังคม หรืองานอื่นใด ถ้าไม่ติดอะไร ไปแจมด้วยแน่นอนค่ะ”

ท้ายนี้ รู้สึกดีใจและเป็นเกียรติอย่างมาก ที่ได้เข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม Young Printer และสมาคมการพิมพ์ไทย ซึ่งมีความเข้มแข็งอย่างมาก จึงอยากให้คนในอุตสาหกรรมสามัคคีกันไว้ เพื่อวงการการพิมพ์จะยังคงก้าวหน้าต่อไป ถ้ามีโอกาสก็อยากให้ทุกท่านในวงการสิ่งพิมพ์ มาเข้าร่วมกิจกรรมที่ทางสมาคมการพิมพ์ไทย และทางกลุ่ม Young Printer จัดขึ้น เป็นการเปิดโอกาสให้ตนเองได้มาทำความรู้จักเพื่อนๆ ร่วมวงการ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า