ดรูป้า 2016 : “ไฮเดลเบิร์ก”
ปรับโครงสร้างสายงานธุรกิจการพิมพ์ดิจิตอล
และมุ่งเน้นไปที่กลุ่มตลาดที่กำลังเติบโต
-
การเปิดตัวครั้งแรกของ Heidelberg Primefire 106 : ระบบอิงค์เจ็ตใหม่ล่าสุดแห่งอุตสาหกรรมการพิมพ์ ดิจิตอล
-
“ไฟร์-Fire” คือ ชื่อกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่สำหรับสายงาน ธุรกิจการพิมพ์ดิจิตอลทั้งหมด
-
Heidelberg Versafire CP/CV สำหรับการผลิตต้นทุนต่ำ เพื่องานพิมพ์จำนวนน้อย (short runs)
-
Gallus Labelfire 340 สำหรับการผลิตฉลากบรรจุภัณฑ์ ชนิดอ่อนตัวและอื่นๆ
-
Heidelberg Omnifire 250/1000 สำหรับการพิมพ์บนทุก วัสดุที่มีรูปทรงทุกชนิด
ไฮเดลเบิร์กได้ขยายสายงานธุรกิจการพิมพ์ดิจิตอลในงานดรูป้า 2016 ซึ่งเป็นการเปิดโลกแห่งอุตสาหกรรมการผลิตเพื่อธุรกิจการพิมพ์ดิจิตอลในขนาดตัด 2 (B1) : บริษัทฯ จัดแสดง Heidelberg Primefire 106 ซึ่งใช้เทคโนโลยีอิงค์เจ็ตรุ่นล่าสุดที่ได้จากการพัฒนาร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจฟูจิฟิล์ม (Fujifilm) และได้พัฒนาให้มีลักษณะการใช้งานเหมือนเทคโนโลยีออฟเซ็ต ซึ่งใช้ความสามารถที่โดดเด่นของไฮเดลเบิร์ก เช่น ตัวนำพาแผ่นแบบไม่สัมผัสกระดาษ (The Non-Contacting Paper Sheet Guide) หรือ เทคโนโลยีการป้อนแผ่น และทางเดินกระดาษ (Delivery Technology) ที่ได้รับการยอมรับ ก็ได้ผนวกเข้าไว้ในระบบด้วย เพื่อช่วยให้การผลิตในธุรกิจนี้ราบรื่นและครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ไฮเดลเบิร์กยังรวมเอาความต้องการต่างๆ ของตลาด จากหลายๆ บริษัท เช่น อุตสาหกรรมผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค เป็นต้น พวกเขาต้องการรวมโซลูชั่นส์ส์ต่างๆ เพื่อความรวดเร็ว ยืดหยุ่นหรือปรับเปลี่ยนได้ สามารถระบุเวอร์ชั่น หรือข้อมูลเฉพาะส่วนบุคคล การปรับเปลี่ยนความต้องการ และการผลิตแบบต้นทุนที่เหมาะสมสำหรับสิ่งพิมพ์รูปแบบใหม่ๆ ในปริมาณการผลิตจำนวนน้อยถึงปานกลาง เพื่อสนับสนุนการเพิ่มขึ้นของกระบวนการผลิตแบบดิจิตอลด้วยคุณภาพมาตรฐานเดียวกันกับการพิมพ์ออฟเซต ซึ่งไฮเดลเบิร์กก็จะเปิดตัวโมเดลธุรกิจใหม่เพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้งานในลักษณะนี้อีกด้วย
การเปิดตัวครั้งแรกของ Heidelberg Primefire 106 เป็นการก้าวขึ้นมาอีกขึ้นหนึ่งของกลยุทธ์ด้านดิจิตอล : การประสบความสำเร็จในการทำงานกับพันธมิตรทางธุรกิจ
ซึ่งจะนำระบบนี้เข้าสู่ท้องตลาดในระยะเวลาอันรวดเร็วมาก ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าของเราสามารถรับความต้องการที่หลากหลายของตลาดในโลกดิจิตอลแห่งอนาคต ในตอนนี้เราคือรายแรกในตลาดที่ทำการผนวกการผลิตสิ่งพิมพ์ดิจิตอลทั้งหมดเข้าไว้ด้วยกันในโรงพิมพ์ที่สมาร์ท (Smart Print Shop) ได้อย่างสมบูรณ์ และก็การเปิดโอกาสการเติบโตให้กับไฮเดลเบิร์กในอนาคตอีกด้วย” กล่าวโดย คุณสเตฟาน เพล้นซ์ (Stephan Plenz) กรรมการบริหารผู้รับผิดชอบด้านเครื่องพิมพ์ของไฮเดลเบิร์ก
การเปิดตัวของกลุ่มผลิตภัณฑ์ “ไฟร์-Fire” : ไฮเดลเบิร์กจะนำเสนอสายงานธุรกิจผลิตภัณฑ์ระบบการพิมพ์ดิจิตอลทั้งหมดภายใต้ชื่อกลุ่มผลิตภัณฑ์ “ไฟร์-Fire”
ในงาน drupa 2016 ไฮเดลเบิร์กนำเสนอ Speedmaster ซีรีย์สำหรับระบบออฟเซต ซึ่งจัดแสดงร่วมกับระบบการพิมพ์ดิจิตอลภายใต้ชื่อกลุ่มผลิตภัณฑ์ “ไฟร์-Fire” ในขณะที่ Speedmaster อยู่ในตำแหน่งที่ทำให้โรงพิมพ์สามารถแข่งขันได้ในธุรกิจหลัก สายงานธุรกิจการพิมพ์ระบบดิจิตอลจะมุ่งเน้นโมเดลธุรกิจใหม่ๆ เพื่อสร้างสรรค์สิ่งพิมพ์เพื่อเป็นนวัตกรรมที่เป็นสินค้าใหม่ๆ ของธุรกิจ ไฮเดลเบิร์กจะสร้างความชัดเจน และเพิ่มมูลค่าของแบรนด์ให้กับลูกค้า การเปลี่ยนชื่อใหม่ ภายใต้ชื่อ “ไฟร์-Fire” สำหรับสายงานธุรกิจการพิมพ์ดิจิตอลของเรานั้นเพื่อแสดงถึงสมรรถนะ ความมุ่งมั่น และการเติบโต และยังหมายถึงการเป็นดิจิตอล “การเชื่อมต่อถ่ายโอนข้อมูล” และหมึกพิมพ์ลงบนวัสดุที่แตกต่างกัน พวกเราต้องการสื่อสารข้อความที่ชัดเจนไปยังลูกค้าว่า เราจะนำเสนอการพิมพ์ดิจิตอลสมรรถนะสูงสุดเข้าสู่อุตสาหกรรมการพิมพ์” กล่าวโดยคุณเจสัน โอลิเวอร์ (Jason Oliver) ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายธุรกิจการพิมพ์ระบบดิจิตอลของไฮเดลเบิร์ก
ไฮเดลเบิร์กนำเสนอรูปแบบการพิมพ์ดิจิตอลต่างๆ ดังต่อไปนี้ในงาน drupa 2016 :
Heidelberg Primefire 106 : เป็นเครื่องพิมพ์ระบบอิงค์เจ็ตใหม่ล่าสุดสำหรับการผลิตสิ่งพิมพ์ดิจิตอล นวัตกรรมใหม่สำหรับงานขนาดตัด 2 (B1)
Heidelberg Versafire CP/CV คือชื่อใหม่ของเครื่องพิมพ์ดิจิตอลรุ่น Linoprint CP/CV The Heidelberg Versafire คือระบบการพิมพ์ เพื่อการผลิตต้นทุนต่ำสำหรับงานยอดสั้น (Short runs) และงานเฉพาะส่วนบุคคล (Personalized) ซึ่งรวมความสามารถในการรองรับกระดาษได้หลากหลายประเภท (Large choice of paper substrates) และต้นทุนการพิมพ์ที่คุ้มค่าที่สุดเมื่อเทียบกับประสิทธิภาพของเครื่องพิมพ์ ไฮเดลเบิร์กได้เปิดตัวระบบนี้ร่วมกับริโก้ (Ricoh) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2554 เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
Gallus Labelfire 340 คือชื่อใหม่ของ Gallus DCS 340 สำหรับธุรกิจการพิมพ์ดิจิตอลสำหรับฉลากสินค้าเครื่องพิมพ์รุ่นนี้ได้รับความสำเร็จอย่างมากที่งานเลเบลเอ็กซ์โป (Label Expo 2015) ซึ่งจัดขึ้นที่บรัสเซล (Brussels)
Heidelberg Omnifire 250/1000 คือ ชื่อใหม่ของระบบการพิมพ์ 4 มิติ ใช้แทนรุ่น Heidelberg Jetmaster Dimension 250/1000. ไฮเดลเบิร์กให้นิยาม การพิมพ์ 4 มิติ (4D printing) เพื่อการพิมพ์จำเพาะบุคคล (personalized) และการพิมพ์แบบยืดหยุ่น (flexible printing) บนความหลากหลายของวัสดุ 3 มิติ เช่น ลูกบอล, ขวดน้ำ, และวัสดุที่มีรูปร่างต่างๆ ในอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภค นอกจากนั้น ไฮเดลเบิร์กยังได้พัฒนาระบบต่างๆ เพื่อให้เหมาะสำหรับการใช้งานในอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ เป็นต้น และวางแผนจะเปิดตัว Heidelberg Omnifire 1000 ในปลายปี 2559
โรงพิมพ์สมาร์ท (Smart Print Shop) : การผนวกระบบการพิมพ์ดิจิตอลและออฟเซตเข้าไว้ด้วยกัน
ในสายงานธุรกิจการพิมพ์ดิจิตอลทั้งหมดสามารถเชื่อมต่อกับเวิร์คโฟลต่างๆ ในทุกขั้นตอนการพิมพ์ในโรงพิมพ์ และทำงานร่วมกับระบบออฟเซตของไฮเดลเบิร์กได้ โดยผ่านทางซอฟต์แวร์พริ้นท์เน็คดิจิตอลฟร้อนเอนด์ตัวใหม่ (New Prinect Digital Front End (DFE)) และยังมีแอพพลิเคชั่นส์ต่างๆ ตลอดจนการสนับสนุนการพิมพ์หรือสั่งงานผ่านเว็บไซด์ (Web-to-print) รวมทั้งโมเดลธุรกิจสิ่งพิมพ์แบบหลายช่องทาง (multi-channel publishing business)อีกด้วย ไฮเดลเบิร์กคือผู้นำด้านโรงพิมพ์สมาร์ท ที่มีความพร้อมด้วยโซลูชั่นส์ส์ต่างๆ ที่ทำให้ผู้ใช้งานสามารถทำงานในระบบอัตโนมัติต่างๆ ทั้งระบบออฟเซต และระบบดิจิตอลทำให้การบริหารจัดการโปร่งใสชัดเจนและเป็นเรื่องที่ง่ายยิ่งขึ้น เพื่อให้ผู้ใช้งานมีความสะดวกมากที่สุด